วันจันทร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2555

คำราชาศัพท์ ลองไปท่อง ดู

ไปดาวน์โหลด ไปอ่านนะครับ ผมไม่ได้จัดให้เป็นระเบียบขอโทษด้วย ลิงค์นี้นะครับ copy แล้วนำไปวางไว้ ตรง address bar ครับ http://www.upload-thai.com/download.php?id=ae6d61ddb6f93a64e053a39f1bc1a5dc

วันจันทร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2555

อยากให้หลายคนอ่านสุภาษิต จีน

เคยสังเกตไหม ทำไม ทำไม คนจีน ถึงเรียน เก่ง ใครเคยตั้งขอสงสัย ไหม การลอกเรียนแบบ ไม่ใช่สิ่งที่ทำไม่ได้ แต่เมื่อเราเห็นแบบเขาแล้ว เราก็พยายามนำมาพัฒนา ตนเอง และนำสิ่งดี ๆ พร้อมกับ คิดวิเคราะห์ แล้วนำมาปรับใช้ กับชีวิต เรา การลอกเรียน นั้น เราควรที่จะทำแบบไหน ก็ต้องอยู่ที่ตัวเรา ถ้าเรานำแบบที่ไม่ดีมาใช้ เรา ก็ต้องอับจน ลองมาอ่านสุภาษิตจีนดีกว่า สุภาษิตนี้ ก็ไม่ใช่ของผม แต่ผมเห็นว่า มันเตือนใจดี จึงนำมาโพสต์ โดยไม่ได้แต่เติมอะไร เลย ก็ขอบพระคุณ และขออนุญาตจาก ผู้ที่โพสต์ไว้ และยังมีหลักปรัชญาต่าง ๆ ลองไปอ่านดูครับ http://www.baanjomyut.com/10000sword/ • คนฉลาดต้องรู้ว่าตนเองโง่ • คนฉลาดไม่พูดมาก คนโง่พูดเป็นฉากๆ • ฉลาดหรือโง่วัดกันที่วาจา • ฉลาดต้นปี ไม่สู้ฉลาดตอนปลายปี • กระจกไว้ดูหน้า ปัญญาไว้ดูใจ • กลองจะดังต้องดี ศิษย์จะดีก็ต้องครู • แกล้งโง่ให้ถูกเวลาเป็นยอดฉลาด • การเสียสละ คือผู้ให้ ไม่ใช่ผู้รับ • ขณะที่กำลังสอน สมองก็เรียนตาม • ของกินไม่กินก็บูด ของเก่าไม่เล่าก็ลืม • ข่าวร้ายมักไปไกล ข่าวลือมักเหลวไหล • เข้านอนท้องหิว ดีกว่าตื่นแล้วเจอหนี้ • คนโง่ไม่รู้สุภาษิต คนฉลาดสร้างตัวแม้ไร้เงิน • คนโง่ถามปัญหาหนึ่งนาที คนฉลาดคิดทั้งที่ตอบไม่ได้ • คนชอบเขาว่าเราดี คนชังเขาว่าเราชั่ว • คนใจแคบกังวลทุกเรื่อง คนใจกว้างยอมรับไปทั่ว • งาช้างที่ไหนจะงอกจากปากหนูนา • งาช้างมั่นคงไม่หดคืน วาจามั่นใจไม่กลิ้งกลอก • งูพิษที่เลวร้ายมีค่ามากกว่าเพื่อนเลวที่หักหลัง • โง่แล้วอย่าอวดดี จะเสียทีเพราะคนอื่น • จงเข้มงวดกับตนเอง แต่ให้ผ่อนปรนกับคนอื่น • จงคิดถึงคนอยู่ให้มาก จงลืมคนจากให้พ้น • จงเอาใจใส่เขาเหมือนอยู่ในใจเรา • จงเรียนให้ชัด จงดูให้เห็น จงทำให้จริง • จงรู้ว่าตัวเราเป็นใคร และเป็นตัวของตัวเอง • จะช้าเพื่ออยู่ต่อ หรือจะรีบเพื่อลาจาก • จอดเรือให้ดูท่า จะนั่งให้ดูพื้น • เฉพาะคนที่ขี้เกียจ ถึงจะเชื่อเรื่องโชคชะตา • เฉพาะคนที่ไม่ลดละ ผู้นำรออยู่ข้างหน้า • ฉิบหายตอนต้น ดีกว่าเสียหายตอนปลาย • เฉพาะคนสู้ชีวิต จึงสมควรมีชีวิตอยู่ • ฉันคือผู้แพ้ นั่นแหละเธอจึงชนะ • ชัยชนะที่สูงค่า คือชนะใจตนเอง • ช่วยตนเองให้หนัก ดีกว่าช่วยคนอื่นให้มาก • ชมด้วยคำหลอกไม่สำเร็จเท่าด่าด้วยคำจริง • ดินไม่อวดว่ากว้าง ฟ้าไม่อวดว่าสูง • ดีใจกับเสียใจมีคำตอบว่าจากไป และกลับมา • ดูด้วยตาหนึ่งครั้ง ดีกว่าฟังมาร้อยหน • เดือนหงายไม่นอน เดือนดับไม่ตื่น • ได้เกียรตินั้นง่าย รักษานั้นยาก • ได้เห็นรอยยิ้มดีกว่าได้ฟังเสียงร้อง • เดินด้วยขาตนเอง ดีกว่ารอคนมาพยุง • ทรัพย์สินถ้ายึดติด ชีวิตก็ไม่สุข • ท้อแท้จะผิดหวัง ลังเลจะแพ้พ่าย • ทองคำถ้าอยู่ ผ้าขี้ริ้วก็ไร้ค่า คนถ้ามีวิชาก็สูงส่ง • ทำงานอย่าหยุดชีวิตไม่อับจน • ทำดีอย่าหวังสิ่งตอบแทน • ทำบุญเอาหน้า แต่งหน้าหลอกตัว • ทุกคนล้วนซึ้ง ในวจีที่ออกมาจากใจ • นิ่งเป็นภูเขา ราชายังมาหา • ในความทุกข์ยังมีความสุข • บนเส้นทางที่ยาวไกล ยังมีขวากหนามมากมาย • บนถนนที่เรียบยาว อาจเจอตอโดยฉับพลัน • บิดาคือธนาคาร ที่บุตรถอนเงินโดยไม่ต้องฝาก • บินสูงก็หนาว ตกลงมาก็เจ็บ • บุคคลใดไม่มีเพื่อน บุคคลนั้นไม่มีสังคม • ปากกามีน้ำหมึก เข้มกว่าเลือดบนคมดาบ • ปลูกดอกไม้เป็นปี ได้ชมเพียงสิบวัน • ปวดกายยังมีวันหาย ปวดใจเจ็บไม่ลืม • ผ่านบัณฑิตเดินหน้า ผ่านคนโง่อ้อมหลัง • ผู้ที่ยังไม่ได้ผ่านรสขม ก็จะไม่ได้เจอรสหวาน • ผู้นำที่เป็นเลิศต้องรู้จักปัญญา • ผู้มีปัญญา มีสุขกว่าผู้มีเงิน • ฝนตกโปรยปรายนาน พายุผ่านแค่ครู่เดียว • ฝ่ามือปิดฟ้าไม่มิด แต่ปิดตาไม่ให้สว่าง • ฝึกฝนตนเองให้เรียนรู้ ไม่ใช่รู้มาก • ใฝ่ร้อนนอนหลับ ใฝ่เย็นนอนตื่น • ใฝ่สูงเกินศักดิ์ ตกหลักเกือบตาย • ฝนเหล็กทั้งแท่ง นานเข้าจะเป็นเข็ม • ฝนตกทีละหยาด อาจเต็มตุ่มเพราะทีละหยด • ภรรยาถ้าไร้มารยาท ถึงเป็นลูกสาวนักปราชญ์ก็ไม่งาม • ภรรยาขี้เหร่ สาวใช้โง่เขลา คือสมบัติล้ำค่าของบ้าน • ยอดคน ความผิดพลาดและอุปสรรค์ เป็นบันไดไปสู่ความสำเร็จ • ยอมจนในตอนต้น ดีกว่าลำบากในตอนปลาย • ยากจะหาสุขที่ไร้โศก • ยิ่งรู้น้อย ก็ยิ่งสงสัยมาก • ยิ่งสร้างตึกสูง รากฐานก็ยิ่งต้องมั่นคง • รอบคอบแต่ขาดปัญญา ดีกว่ามีปัญญาแต่ไม่รอบคอบ • ระฆังจะดังต้องตี คนดีจะต้องลงปฎัก • ลมพัดผ่านไป ลมแดดไม่ผ่านตาม • ลิ้นไม่มีกระดูก แต่คมยิ่งกว่าฟัน • ลิ้นอยู่ในปาก แต่คนก็รังเกียจได้น่าพิศวง • โลกนี้เหมือนหนังสือ ที่อ่านแล้วต้องติดตามตอนจบ • วันนี้เราปลูกต้นไม้ วันต่อไปเราจะมีร่มเงา • วันนี้ยอมลำบาก แต่วันหน้ารอวันรวย • วาจาพูดอะไรให้คิด เพราะไม่สามารถเรียกคืน • วาจาถ้าหวานนัก ความหมายมักจะขมขื่น • เวลาเหมือนน้ำไหล ผ่านไปไม่คืนกลับ • เวลามีให้เก็บ เวลาหมดให้ปลง • ศิษย์ต้องเกรงกว่าครู โลกจึงเจริญ • เศรษฐีตระหนี่ ยาจกยังรวยกว่า • ศึกษามามากแต่ไม่จำก็ไร้ค่า ตายไปก็ลืมหมด • ศัตรูที่ฉลาด ใช้วาจาเป็นอาวุธ • สอนใครก็สอนได้ แต่สอนตนสอนไม่ได้ • สัจจะไม่มีคำอธิบาย ก็เข้าใจได้โดยง่าย • สัจจะสลายเมื่ออารมณ์เกิด • เหนือฟ้า ยังมีฟ้าอยู่ • เหนี่ยวรั้งความอยากไว้ หนี้ไม่มี • หลงยศ อำนาจ บารมี ความอุบาทว์ตามมา • หมื่นแสนบาทของเขา สลึงเดียวในกระเป๋าเราดีกว่า • อกเราคือกระเป๋าแห่งความทุกข์ • อดได้เป็นพระละได้เป็นดี • อวดรู้เพราะไม่รู้ อวดรวยเพราะไม่มี • อวดสวยเพราะไม่งาม • อย่าดื่มโดยไม่เห็น อย่าเซ็นโดยไม่อ่าน • อย่าเปิดความในใจ หากยังไม่ถึงเวลา • อย่าหลงงมงายกับคำยอ อย่าท้อแท้กับคำหยาบ • อยู่ในเรือนกระจก อย่าคิดขว้างก้อนหิน • เมื่อพ่อแม่มีชีวิตอยู่ ยังไม่เลี้ยงดูท่าน ครั้นท่านตายไปแล้ว ทำการเซ่นไหว้ ท่านจะได้รับประโยชน์อันใด • ต้นไม้ต้นใหญ่ เกิดจากกล้าไม้ ต้นเล็กๆ หอสูงเสียดเมฆา ฐานรากเตี้ยติดดิน การเดินทางหลายพันลี้ เริ่มจากการก้าวเท้าก้าวแรก • ที่ใดมีแสงอาทิตย์ ที่นั่นย่อม มีคนจีน ที่ใดมีคนจีน ที่นั่นย่อม มีความรุ่งโรจน์ • คนเรา มิใช่จะมีโชคเรื่อยไป ดอกไม้ มิใช่จะบานอยู่ตลอดไป • คนฉลาด ที่ได้เห็นทุกสิ่งทุกอย่าง ยังไม่เท่ากับคนที่ทำงาน สิ่งเดียวด้วยมือตนเอง • ทุกคนเคยทำผิด ม้าทุกตัวเคยหกล้ม • ผู้ที่อดกลั้นความอยากได้ ย่อมไม่มีหนี้ • ผู้ที่ยิ้มแทนที่จะโกรธ คือผู้ที่เข้มแข็งกว่าเสมอ • ผู้มีใจตั้งมั่น ย่อมชนะฟ้า ผู้ไร้ความตั้งมั่น ฟ้าย่อมชนะคน • ในโลกนี้ไม่มีอะไรนุ่มหรือบางกว่าน้ำ แต่การที่น้ำสามารถกัดเซาะสิ่งที่แข็งอย่างไม่ยอมจำนนนั้น ไม่มีอะไรจะเทียบได้ ความจริงที่ว่า คนอ่อนแอกว่าเอาชนะคนแข็งแรงกว่าได้ คนที่หยาบกระด้างต้องพ่ายแพ้คนที่อ่อนโยน เป็นสิ่งที่ทุกคนรู้ แต่ไม่มีใครทำตาม • ความยิ่งใหญ่ของอุดมการณ์ มิได้อยู่ที่การชนะผู้อื่น แต่อยู่ที่การชนะตัวเอง • อย่ายอมแพ้ ตราบเท่าที่ยังมีความหวัง แต่อย่าหวังจนเกินเหตุผล เพราะนั่นสะท้อนให้เห็นถึง ความปรารถนามากกว่าการพินิจพิจารณา • ถ้าไม่มีกระจกเงา ผู้หญิงก็จะไม่ทราบว่า แป้งที่หน้าเรียบร้อยหรือไม่ ถ้าไม่มีเพื่อนแท้ ปัญญาชนก็ไม่อาจรู้ถึง ความผิดของตนได้ • ถ้าดื่มกับเพื่อน เหล้าพันถ้วย ยังดูน้อยไป ถ้าโต้เถียงกับผู้อื่น คำพูดเพียงครึ่งประโยชน์ ก็มากเกินไป • การพูดให้ร้าย ไม่ทำให้คนดีเป็นคนเลว เพราะเมื่อน้ำลด หินก็ยังอยู่ที่เดิม • ดัดตัวนั้นง่าย แต่ดัดใจนั้นยาก • มีนาแต่ไม่ไถ ยุ้งฉางก็ว่างเปล่า มีหนังสือแต่ไม่อ่าน ลูกหลานก็โง่ • คนโลเล ก็เสมือนดาบที่ยังไม่ได้ตีให้เป็นรูป • อย่ากลัวที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ สิ่งที่ต้องกลัวอย่างเดียว คือการหยุดนิ่ง • อย่าปล่อยเวลาให้ล่วงไปโดยเปล่าประโยชน์ เพราะฤดูใบไม้ผลิจะไม่ย้อนกลับมาอีก • การเรียนภาษาต่างประเทศนั้นไม่ยาก มันก็เหมือนกับการคบเพื่อน ยิ่งคบก็ยิ่งคุ้นเคย พบหน้ากันทุกวัน มิตรภาพก็ยิ่งสนิทแน่นแฟ้น • เรียน จึงรู้ว่าตนเองด้อยความรู้ สอน จึงรู้ว่าลำบาก ผู้ที่รู้ว่าด้อยความรู้ จึงจะเตือนตัวเองได้ ผู้ที่รู้ว่าลำบาก จึงจะฝึกตนให้เข้มแข็ง • เรารู้ว่าหนังสือ ไม่ใช่วิธีการที่จะให้คนอื่นมาคิดแทนเรา ในทางตรงข้าม.. หนังสือ คือเครื่องมือที่กระตุ้นให้เราคิดได้ไกลมากยิ่งขึ้น • มีหนังสือตั้งเล่มเกวียน ก็ไม่เท่ากับมีครูคนเดียว • ครูเปิดประตูให้ แต่ท่านจะต้องเดินเข้าไปด้วยตัวท่านเอง • ไม่เป็นจึงต้องเรียน ไม่รู้จึงต้องถาม • คนชั้นต่ำแต่มีการศึกษา ดีมีประโยชน์ต่อบ้านเมือง คนชั้นสูงแต่ไร้การศึกษา จะมีประโยชน์อะไร • พูดถึงอะไรก่อนอะไรหลัง ความรู้ต้องมาก่อน พูดถึงอะไรสำคัญที่สุด ความประพฤติย่อมสำคัญที่สุด • คมลิ้นฆ่าคนอย่างชนิดเลือดไม่ออก • คนที่เก่งทุกทาง แท้จริงคือคนที่ไม่มีอะไรเก่งจริงสักอย่าง คนที่รอบรู้ไปหมดทุกเรื่อง แท้จริงคือคนที่ไม่เชี่ยวชาญอะไรเลย • ผู้ที่ขาดความเข้มแข็งทางจิตใจ ทำสิ่งใดก็ไม่บรรลุ • ถ้าอดใจโกรธได้ชั่วขณะหนึ่ง ก็จะพ้นความเสียใจได้ถึงร้อยวัน • ถอยหลังเพียงก้าวเดียว ทะเลนั้นก็ดูกว้าง นภางค์ก็แลสดใส • ปัดเป่าความยุ่งยากได้ครั้งหนึ่ง ความยุ่งยากจะมาอีกร้อยครั้ง ก็ปัดเป่าได้ • อย่าวางใจ ในโชคของท่านที่มี จงเตรียมตัวไว้ เมื่อเวลาโชคจะพรากไป • โชค ไม่เคยมาคู่ เคราะห์ ก็ไม่เคยมาเดี่ยว • เมื่อโชคดี ก็บังคับปีศาจได้ เมื่อโชคร้าย ปีศาจก็บังคับท่านได้ • ถ้าเขาไม่ฉลาด ก็อย่าอ่านบทกวีให้เขาฟัง • ทอง ตีเป็นราคาได้ แต่การศึกษา หาตีราคาได้ไม่ • เลี้ยงลูกชายโดยไม่ให้การศึกษา ก็เหมือนเลี้ยงลา เลี้ยงลูกสาวโดยไม่ให้การศึกษา ก็เหมือนเลี้ยงหมู • ผู้ที่ขาดคุณธรรม ย่อมไม่มีอุดมการณ์อันยิ่งใหญ่ ผู้ที่ขาดความรู้ ย่อมไม่มีสายตาอันกว้างไกล • วรรณคดี ย่อมไม่นำไปในทางที่ผิด • คนรวย วางแผนสำหรับวันพรุ่งนี้ คนจน วางแผนแค่วันนี้ • ผู้ใดรู้จักใช้พู่กัน จะไม่ต้องขอทานเขากิน • ผู้ที่เอาชนะผู้อื่นได้ เป็นคนเข้มแข้ง ผู้ที่เอาชนะตัวเองได้ เป็นคนมีอำนาจ • จิตมั่น ความชั่วร้ายทั้งปวงย่อมไม่อุบัติ จิตสงบ จักไม่สนใจเรื่องทั้งปวง ผู้ที่มีอุดมการณ์อันยิ่งใหญ่ จักไม่ยุติกลางคัน • เงียบลง ท่านจึงจะคิดได้ ถ้าท่านไม่เงียบ ท่านจะไม่ได้ยินทุกอย่างที่ผู้อื่นพูดกับท่าน เพราะว่าใจของท่าน พะวงอยู่กับสิ่งที่ท่านคิดว่ารู้แล้ว เรียนรู้ที่จะฟัง ฟังด้วยหัวใจของท่าน • การสร้างเนื้อสร้างตัว เป็นเรื่องลำบาก การธำรงไว้ซึ่งความสำเร็จ ยิ่งลำบาก ผู้ที่รู้ว่าลำบาก จักไม่ลำบาก • การสร้างให้สมบูรณ์ เวลาร้อยปีก็ยังไม่พอ การทำลาย ใช้เวลาวันเดียวก็เกินพอ • ความหิว แก้ด้วยอาหาร ความเขลา แก้ด้วยการศึกษา

วันอาทิตย์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2555

ฎีกา เรืองลักทรัพย์ งง ๆ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 611/2530 จำเลยขับรถยนต์เข้าไปสั่งให้เติมน้ำมันรถยนต์ที่ปั๊มน้ำมันของผู้เสียหาย เมื่อคนเติมน้ำมันเติมน้ำมันเกือบจะเต็มถังจำเลยพูดว่าไม่มีเงินเดี๋ยวจะเอามาให้ คนเติมน้ำมันบอกว่าต้องไปบอกผู้เสียหายก่อน แต่จำเลยได้ขับรถออกไปทันที ขณะเติมน้ำมันจำเลยไม่ได้ดับเครื่องยนต์รถและฝาปิดถังน้ำมันก็ไม่มีโดยใช้ผ้าอุดไว้แทนแสดงให้เห็นว่าจำเลยได้วางแผนการไว้เพื่อจะไม่ชำระเงินค่าน้ำมันเมื่อได้น้ำมันมาแล้ว โดยจะรีบหนีไปอันเป็นอุบายอย่างหนึ่งในการที่จะทำให้ลักทรัพย์สำเร็จ พฤติการณ์แสดงว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตมาตั้งแต่ต้นที่จะลักเอาน้ำมันของผู้เสียหาย ( เปรียบเทียบ) ตัวอย่างฎีกา นี้ทำไมไม่เป็นวิงราวทรัพย์หละ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2581/2529จำเลยทั้งสองขี่รถจักรยานยนต์ซ้อนกันเข้าไปเติมน้ำมันเบนซินที่บ้านผู้เสียหายจำนวน5ลิตรเมื่อเติมน้ำมันเสร็จภริยาผู้เสียหายทวงเงินค่าน้ำมันจำเลยที่2ถือลูกกลมๆอยู่ในมือซึ่งฟังไม่ได้ว่าเป็นลูกระเบิดพูดว่าไม่มีเงินมีไอ้นี่เอาไหมภริยาผู้เสียหายเข้าใจว่าเป็นลูกระเบิดจำเลยทั้งสองขี่รถจักรยานยนต์ออกไปการกระทำของจำเลยทั้งสองมีเจตนาหลอกลวงผู้เสียหายเพียงเพื่อจะเติมน้ำมันรถจักรยานยนต์โดยไม่ชำระราคาเท่านั้นการที่จำเลยที่2ถือลูกกลมๆอยู่ในมือและพูดเช่นนั้นเป็นวิธีการที่จะใช้แสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายเท่านั้นจึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกงหาใช่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์หรือปล้นทรัพย์ไม่ ฎีกานี้ทำไมไม่เป็น ชิงทรัพย์ หละ ทั้งที่ เอาลูกกลม ๆ ออกมา เป็นการใช้กำลังประทุษร้ายหรือเปล่า

วันอาทิตย์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2555

สิทธิของผู้ถูกจับในชั้นจับ มอบตัว ควบคุม

สิทธิของผู้ถูกจับที่ในชั้นการจับกุมของเจ้าพนักงานผู้จับ และในชั้นพนักงานสอบสวน และเจ้าพนักงานผู้รับตัวผู้ถูกจับ ต้องแจ้งสิทธิ ให้ ผู้ถูกจับ ทราบ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 22 พ.ศ. 2547
การขึ้นโรง ขึ้นศาล มีโครบ้าง ที่โครอยากไปสัมผัส คงไม่มีโครที่ต้องการที่จะถูกจับกุม ซึ่งบางครั้ง เมื่อหลาย ๆ ท่านได้เป็น ผู้นำของชุมชน หรือ มีญาติพี่น้อง เพื่อน ๆ ต้องถูกจับกุม โดยเจ้าพนักงานของรัฐ และมีคนมาปรึกษาท่าน ทราบไหมว่า เมื่อผู้ถูกจับโดยเจ้าพนักงาน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือเจ้าพนักงานอื่น ผู้มีอำนาจทำการจับกุม ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ได้บัญญัติให้ ผู้ถูกจับ หรือ ผู้ต้องหา ควรมีสิทธิที่จะทราบว่า เขามีสิทธิอะไรบ้างเพื่อจะได้มีโอกาส พิสูจน์ว่า ตนเองบริสุทธิ์   ซึ่งตามคำนิยาม ของคำว่า ผู้ต้องหา  ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 (2) หมายความถึง  บุคคลผู้ถูกกล่าวหาว่าได้กระทำความผิดแต่ยังมิได้ถูกฟ้องต่อศาล และ มาตรา 2(3)    จำเลย หมายถึง  บุคคลซึ่งถูกฟ้องต่อศาลแล้วโดยข้อหาว่ากระทำความผิด
            ดังนั้น คงทราบว่า ตราบใดที่ศาลยังไม่ได้ประทับฟ้องผู้ต้องหายังไม่ได้ เป็นจำเลย ตาม ป.วิอาญา ได้บัญญัติไว้ตาม มาตรา  165 อนุ 3 ว่า ก่อนที่ ศาล ประทับฟ้อง มิให้ถือว่า จำเลย อยู่ในฐานะเช่นนั้น ก็หมายความ ว่า เมื่อศาลยังไม่ได้ประทับฟ้อง ผู้ต้องหา ยังไม่มีฐานะเป็นจำเลย คือ ยังไม่มีฐานะ เป็นคู่ความนั่นเอง ก่อนอื่น มาทราบว่า  เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ - หรือเจ้าพนักงานอื่น ทำการจับกุมผู้ถูกจับ เจ้าพนักงานผู้ถูกจับต้องแจ้งให้ผู้ถูกจับทราบถึงสิทธิ ของผู้ถูกจับว่ามีอะไรบ้าง ซึ่งพอจะแจ้งให้ทราบว่า ผู้ถูกจับมีสิทธิ ดังต่อไปนี้
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 83,
            ในการจับนั้น เจ้าพนักงาน หรือ ราษฎร ซึ่งทำการจับ ต้องแจ้งแก่ผู้ที่จะถูกจับนั้นว่า เขาต้องถูกจับ แล้วสั่งให้ผู้ถูกจับไปยังที่ทำการ ของพนักงานสอบสวน แห่งท้องที่ที่ถูกจับ พร้อมด้วยผู้จับ เว้นแต่ สามารถนำไปที่ทำการ ของพนักงานสอบสวน ผู้รับผิดชอบได้ ในขณะนั้น ให้นำไปที่ทำการ ของพนักงานสอบสวน ผู้รับผิดชอบดังกล่าว แต่ถ้าจำเป็น ก็ให้จับตัวไป
            ในกรณีที่ เจ้าพนักงาน เป็นผู้จับ ต้องแจ้งข้อกล่าวหา ให้ผู้ถูกจับทราบ หากมีหมายจับ ให้แสดงต่อผู้ถูกจับ พร้อมทั้งแจ้งด้วยว่า ผู้ถูกจับ มีสิทธิที่จะไม่ให้การ หรือ ให้การ ก็ได้ และ ถ้อยคำของผู้ถูกจับนั้น อาจใช้เป็นพยานหลักฐาน ในการพิจารณาคดีได้ และ ผู้ถูกจับมีสิทธิที่จะพบ และ ปรึกษาทนายความ หรือ ผู้ซึ่งจะเป็นทนายความ ถ้าผู้ถูกจับ ประสงค์จะแจ้งให้ญาติ หรือ ผู้ซึ่งตนไว้วางใจทราบถึงการจับกุม ที่สามารถดำเนินการได้โดยสะดวก และ ไม่เป็นการขัดขวางการจับ หรือ การควบคุมผู้ถูกจับ หรือ ทำให้เกิดความไม่ปลอดภัย แก่บุคคลหนึ่งบุคคลใด ก็ให้เจ้าพนักงาน อนุญาตให้ผู้ถูกจับ ดำเนินการได้ ตามสมควรแก่กรณี ในการนี้ ให้เจ้าพนักงานผู้จับนั้น บันทึกการจับดังกล่าวไว้ด้วย
            ถ้า บุคคลซึ่งจะถูกจับ ขัดขวาง หรือ จะขัดขวางการจับ หรือ หลบหนี หรือ พยายามจะหลบหนี ผู้ทำการจับ มีอำนาจใช้วิธี หรือ ป้องกันทั้งหลาย เท่าที่เหมาะสม แก่พฤติการณ์แห่งเรื่อง ในการจับนั้น เมื่อท่านทราบตามบทบัญญัติของ ประมาลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 83 ผู้เขียนขอแยกออกเป็นข้อดังนี้

         1. เจ้าพนักงานซึ่งทำการจับต้องแจ้งแก่ผู้ที่จะถูกจับว่า เขาต้องถูกจับ (ป.วิ. อาญา มาตรา 83 วรรคหนึ่ง)  (เจตนาของกฎหมายเพื่อให้ผู้ถูกจับทราบเบื้องต้นว่าเขาจะต้องถูกจับ)
            2. เจ้าพนักงานผู้จับต้องแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกจับทราบ หรือหากเป็นกรณีจับตามหมายจับ ผู้จับต้องแสดงหมายจับต่อผู้ถูกจับ (ป.วิ. อาญามาตรา 83 วรรคสอง) (เพื่อที่จะให้บุคคลผู้ถูกจับทราบว่า เขาต้องถูกจับในข้อกล่าวหาใด   เพื่อที่ผู้ถูกจับจะได้ทราบรายละเอียดข้อเท็จจริง ที่เขาจะต้องถูกจับ   หรือหากมีหมายจับให้แสดงต่อผู้ถูกจับ เพื่อที่ผู้ถูกจับจะได้ทราบข้อกล่าวหา และรายละเอียด ข้อเท็จจริงที่เขาจะต้องถูกจับตามหมายจับที่ได้แสดงนั้น ซึ่งผู้ถูกจับจะสามารถที่จะได้เตรียมการต่อสู้ และแก้ข้อกล่าวหาได้อย่างถูกต้อง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้ถูกจับ ในกรณีที่เขาไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิดตามที่ตั้งข้อกล่าวหาไว้ )
          3. เจ้าพนักงานผู้จับต้องแจ้งว่า ผู้ถูกจับมีสิทธิที่จะไม่ให้การหรือให้การก็ได้ ป .วิ.อาญา มาตรา 83 วรรคสอง) ( เป็นการเปิดโอกาสที่จะให้ผู้ถูกจับได้ต่อสู้ ตามกระบวนการยุติธรรมได้อย่างเต็มที่ และเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ถูกจับที่จะไม่ให้การในชั้นจับกุม หรือในชั้นพนักงานสอบสวน เพื่อที่ผู้ถูกจับจะเตรียมตัวในการที่จะแก้ข้อกล่าวหาโดยที่จะไม่มีผู้ใดบังคับให้เขาให้การในขณะนั้น ถ้าเขายังไม่มีความพร้อมที่จะให้การ ซึ่งเมื่อเขาให้การไปแล้วอาจจะเสียเปรียบในการต่อสู้คดีได้ จึงเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ถูกจับได้มีโอกาสที่จะต่อสู้ได้อย่างเต็มที่ )
              4. เจ้าพนักงานผู้จับต้องแจ้งว่าถ้อยคำที่ผู้ถูกจับให้การนั้นอาจใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีได้ (ป.วิ.อาญา มาตรา 83 วรรคสอง)
          5.       เจ้าพนักงานผู้จับต้องแจ้งว่าผู้ถูกจับมีสิทธิที่จะพบ และปรึกษาทนายความหรือผู้ซึ่งจะเป็น  ทนายความได้ (ป.วิ. อาญา มาตรา 83 วรรคสอง) (เจตนาเพื่อให้ผู้ถูกจับสามารถที่จะมีที่ปรึกษาทนายความ ที่มีความรู้เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมาย เข้ามาคุ้มครองช่วยเหลือแก่เขาในการแก้ข้อกล่าวหา )
         6. เจ้าพนักงานผู้จับต้องแจ้งให้ผู้ถูกจับทราบว่า มีสิทธิแจ้งให้ญาติหรือผู้ซึ่งเขาไว้วางใจทราบถึง การจับกุมที่สามารถดำเนินการได้โดยสะดวก และไม่เป็นการขัดขวางการจับหรือการควบคุมผู้ถูกจับ หรือทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยแก่บุคคลหนึ่งบุคคลใด เจ้าพนักงานก็ต้องอนุยาตให้ผู้ผูกจับดำเนินการได้ตามสมควรแก่กรณี (ป.วิ. อาญา มาตรา 83 วรรคสอง) (ตามปกติเจ้าพนักงานผู้จับต้องอนุญาตให้บุคคลผู้ถูกจับดำเนินการได้ ตามสมควรแก่กรณี และสามารถดำเนินการได้โดยสะดวก และไม่เป็นการ ขัดขวางการจับหรือการควบคุมผู้ถูกจับ หรือจะทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยแก่บุคคลหนึ่งบุคคลใด เพื่อให้บุคคลผู้ถูกจับมีที่ปรึกษาในทันทีที่เขาถูก จับกุม ซึ่งเขาจะได้ปรึกษาหารือถึงการดำเนินการในการแก้ข้อกล่าวหา และเพื่อที่จะแจ้งให้ญาติ หรือผู้ซึ่งตนเองไว้วางใจ มีการเตรียมการเพื่อ ขอปล่อยชั่วคราว   ซึ่งเจตนาของกฎหมายเพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของผู้ถูกจับของรัฐ ที่จะไม่ถูกเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำนอกขอบเขตของกฎหมาย และจะไม่ถูกควบคุม คุมขัง โดยไม่จำเป็น และเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ถูกจับได้ต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่ ซึ่งในการแจ้งสิทธินี้ ให้เจ้าพนักงานผู้จับนั้น บันทึกการจับ ข้อความที่ได้แจ้งสิทธิที่ได้อนุญาต ดังกล่าวไว้ด้วย)
และมาตรา ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๘๔*            เจ้าพนักงาน หรือ ราษฎร ผู้ทำการจับ ต้องเอาตัวผู้ถูกจับ ไปยังที่ทำการ ของพนักงานสอบสวนตาม มาตรา ๘๓ โดยทันที และ เมื่อถึงที่นั้นแล้ว ให้ส่งตัวผู้ถูกจับแก่ พนักงานฝ่ายปกครอง หรือ ตำรวจของท้องที่ทำการ ของพนักงานสอบสวนดังกล่าว เพื่อดำเนินการ ดังต่อไปนี้
                        (๑) ในกรณีที่เจ้าพนักงาน เป็นผู้จับ ให้เจ้าพนักงานผู้จับนั้น แจ้งข้อกล่าวหา และ รายละเอียดเกี่ยวกับเหตุแห่งการจับ ให้ผู้ถูกจับทราบ ถ้ามีหมายจับ ให้แจ้งให้ผู้ถูกจับทราบ และ อ่านให้ฟัง และ มอบสำเนาบันทึกการจับ แก่ผู้ถูกจับนั้น
                        (๒) ในกรณีที่ราษฎร เป็นผู้จับ ให้พนักงานฝ่ายปกครอง หรือ ตำรวจซึ่งรับมอบตัว บันทึกชื่อ อาชีพ ที่อยู่ ของผู้ถูกจับ อีกทั้งข้อความ และ พฤติการณ์แห่งการจับนั้นไว้ และ ให้ผู้จับ ลงลายมือชื่อกำกับไว้ เป็นสำคัญ เพื่อดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหา และ รายละเอียดแห่งการจับ ให้ผู้ถูกจับทราบ และ แจ้งให้ผู้ถูกจับทราบด้วยว่า ผู้ถูกจับ มีสิทธิที่จะไม่ให้การ หรือ ให้การ ก็ได้ และ ถ้อยคำของผู้ถูกจับ อาจใช้เป็นพยานหลักฐาน ในการพิจารณาคดีได้
            เมื่อได้ดำเนินการตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้พนักงานฝ่ายปกครอง หรือ ตำรวจ ซึ่งมีผู้นำผู้จับมาส่ง แจ้งให้ผู้ถูกจับ ทราบถึงสิทธิตามที่กำหนดไว้ใน มาตรา ๗/๑ รวมทั้งจัดให้ผู้ถูกจับ สามารถติดต่อกับญาติ หรือ ผู้ซึ่งผู้ถูกจับไว้วางใจ เพื่อแจ้งให้ทราบถึงการจับกุม และ สถานที่ที่ถูกควบคุมได้ ในโอกาสแรก เมื่อผู้ถูกจับ มาถึงที่ทำการ ของพนักงานสอบสวน ตามวรรคหนึ่ง หรือถ้า กรณีผู้ถูกจับร้องขอ ให้พนักงานฝ่ายปกครอง หรือ ตำรวจ เป็นผู้แจ้ง ก็ให้จัดการตามคำร้องขอนั้นโดยเร็ว และ ให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ บันทึกไว้ ในการนี้ มิให้เรียกค่าใช้จ่ายใดๆ จากผู้ถูกจับ
            ในกรณีที่จำเป็น เจ้าพนักงาน หรือ ราษฎร ซึ่งทำการจับ จะจัดการพยาบาล ผู้ถูกจับเสียก่อนนำตัวไปส่ง ตามมาตรานี้ ก็ได้
            ถ้อยคำใดๆ ที่ผู้ถูกจับให้ไว้ต่อเจ้าพนักงานผู้จับ หรือ พนักงานฝ่ายปกครอง หรือ ตำรวจ ในชั้นจับกุม หรือ รับมอบตัวผู้ถูกจับ ถ้า ถ้อยคำนั้น เป็นคำรับสารภาพ ของผู้ถูกจับ ว่าตนได้กระทำความผิด ห้ามมิให้รับฟังเป็นพยานหลักฐาน แต่ถ้า เป็นถ้อยคำอื่น จะรับฟังเป็นพยานหลักฐาน ในการพิสูจน์ความผิด ของผู้ถูกจับ ได้ต่อเมื่อ ได้มีการแจ้งสิทธิ ตามวรรคหนึ่ง หรือตาม มาตรา ๘๓ วรรคสอง แก่ผู้ถูกจับ แล้วแต่กรณี
         7. เจ้าพนักงานผู้จับต้องนำตัวผู้ถูกจับไปยังที่ทำการของพนักงานสอบสวนโดยทันที   (ป.วิ. อาญามาตรา 84 วรรคแรก) (เพื่อให้ผู้ถูกจับได้รับการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพได้มากขึ้น โดยที่จะไม่ถูกจับ จะไม่ถูกควบคุมจากพนักงานผู้จับไว้นานเกินสมควร และเพื่อให้เจ้าพนักงานผู้รับตัวผู้ถูกจับจะได้ทำการตรวจสอบด้วยว่าการจับของเจ้าพนักงานผู้จับซึ่งจับบุคคลผู้ถูกจับมานั้น ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่เพียงใดด้วย) แต่ ถ้าหากเจ้าพนักงานผู้ทำการจับกุมมีเจตนาหน่วงเหนี่ยว ถ่วงเวลาไว้เพื่อการอย่างอื่น ๆ โดยไม่มีเหตุจำเป็นตามควร เจ้าพนักงานอาจมีความผิดต่อเสรีภาพ หรือมีความผิดฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบได้
            8. เจ้าพนักงานผู้จับต้องแจ้งข้อกล่าวหา    และรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุแห่งการจับให้ผู้ถูกจับทราบ ถ้ามีหมายจับให้แจ้งให้ผู้ถูกจับทราบและอ่านให้ฟัง (ป.วิ. อาญา มาตรา 84 วรรคหนึ่ง (1)) (เพื่อให้ผู้ถูกจับทราบ  ข้อกล่าวหา และรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุแห่งการจับทราบโดยละเอียด และถ้าเป็นการจับโดยมีหมายจับ ก็ให้อ่านหมายจับ ให้บุคคลผู้ถูกจับฟังอีกครั้งหนึ่ง เมื่อถึงที่ทำการพนักงานสอบสวน )
            9. เจ้าพนักงานผู้จับต้องมอบสำเนาบันทึกการจับแก่ผู้ถูกจับนั้นด้วย (ป.วิ. อาญา มาตรา 84 วรรคหนึ่ง (1))  (เป็นการที่จะให้ผู้ถูกจับตรวจสอบความถูกต้องของการจับของเจ้าพนักงานว่าถูกต้องหรือไม่เพียงใด และสามารถนำไปต่อสู้คดีได้ เพื่อให้เกิดความยุติธรรม)
  ผลของการที่เจ้าพนักงานผู้จับไม่แจ้งสิทธิ หรือไม่จัดดำเนินการบทบัญญัติของกฎหมายให้แก่ผู้ถูกจับหรือผู้ต้องหา ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 84วรรค 4                ถ้อยคำใดๆ ที่ผู้ถูกจับให้ไว้ต่อเจ้าพนักงานผู้จับ หรือ พนักงานฝ่ายปกครอง หรือ ตำรวจ ในชั้นจับกุม หรือ รับมอบตัวผู้ถูกจับ ถ้า ถ้อยคำนั้น เป็นคำรับสารภาพ ของผู้ถูกจับ ว่าตนได้กระทำความผิด ห้ามมิให้รับฟังเป็นพยานหลักฐาน แต่ถ้า เป็นถ้อยคำอื่น จะรับฟังเป็นพยานหลักฐาน ในการพิสูจน์ความผิด ของผู้ถูกจับ ได้ต่อเมื่อ ได้มีการแจ้งสิทธิ ตาม ป.วิอาญา มาตรา 84 วรรคหนึ่ง หรือตาม มาตรา ๘๓ วรรคสอง แก่ผู้ถูกจับ แล้วแต่กรณี
            ถ้าเป็นถ้อยคำอื่นจะรับฟ้งเป็นพยานหลักฐานในการพิสูจน์ความผิดของผู้ถูกจับได้ ก็ต่อเมื่อได้มีการแจ้งสิทธิหรือจัดดำเนินการ ตาม ป.วิ อาญา มาตรา 84 วรรคแรก หรือ ตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 83 วรรคสอง แก่ผู้ถูกจับแล้ว
               ต่อมาเมื่อเจ้าพนักงานผู้จับ จับตัวผู้ถูกจับแล้วนำส่ง พนักงานสอบสวน หรือผู้รับตัวผู้ถูกจับ เจ้าพนักงานผู้รับตัว ต้องแจ้งสิทธิและดำเนินการ แก่ผู้ถูกจับ เพื่อให้ผู้ถูกจับทราบสิทธิ ดังต่อไปนี้ (ป.วิ. อาญา มาตรา 84 วรรคสอง)
             1.      ให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ ซึ่งมีผู้นำผู้ถูกจับมาส่ง (อาจเป็นพนักงานสอบสวน)  ต้องแจ้งให้ผู้ถูกจับทราบถึงสิทธิ ตามที่กำหนดไว้ใน ป.วิ. อาญา มาตรา 7/1 (ดังนี้)
ปวอ. มาตรา ๗/๑*
            ผู้ถูกจับ หรือ ผู้ต้องหา ที่ถูก ควบคุม หรือ ขัง มีสิทธิ แจ้ง หรือ ขอให้ เจ้าพนักงาน แจ้งให้ญาติ หรือ ผู้ซึ่ง ผู้ถูกจับ หรือ ผู้ต้องหา ไว้วางใจ ทราบถึง การถูกจับกุม และ สถานที่ที่ถูกควบคุม ในโอกาสแรก และ ให้ผู้ถูกจับ หรือ ผู้ต้องหา มีสิทธิ ดังต่อไปนี้ ด้วย
                        (๑) พบ และ ปรึกษา ผู้ที่จะเป็น ทนายความ เป็นการเฉพาะตัว
                        (๒) ให้ทนายความ หรือ ผู้ซึ่ง ตนไว้วางใจ เข้าฟัง การสอบปากคำตนได้ ในชั้นสอบสวน
                        (๓) ได้รับ การเยี่ยม หรือ ติดต่อกับ ญาติ ได้ตามสมควร
                        (๔) ได้รับ การรักษาพยาบาล โดยเร็ว เมื่อ เกิดการเจ็บป่วย
            ให้ พนักงานฝ่ายปกครอง หรือ ตำรวจ ซึ่ง รับมอบตัว ผู้ถูกจับ หรือ ผู้ต้องหา มีหน้าที่ แจ้งให้ผู้ถูกจับ หรือ ผู้ต้องหานั้น ทราบในโอกาสแรกถึง สิทธิ ตามวรรคหนึ่ง

 ผู้ถูกจับหรือ  ผู้ต้องหาซึ่งถูกควบคุมหรือขัง มีสิทธิแจ้งหรือขอให้เจ้าพนักงานแจ้งให้ญาติ หรือผู้ซึ่งผู้ถูกจับหรือผู้ต้องหาไว้วางใจทราบถึงการถูกจับ และ สถานที่ที่ถูกควบคุมในโอกาสแรกและให้ผู้ถูกจับหรือผู้ต้องหามีสิทธิดังต่อไปนี้ด้วย
              (1) พบและปรึกษาผู้ซึ่งจะเป็นทนายความเป็นการเฉพาะตัว   (สถานีตำรวจอาจต้องทำการจัดห้องควบคุม ให้ผู้ถูกจับหรือผู้ต้องหาสามารถที่จะพบและปรึกษาทนายความได้เป็นการเฉพาะตัว)
                  (2)   ให้ทนายความหรือผู้ซึ่งตนไว้วางใจเข้าฟังการสอบปากคำตนได้ในชั้นสอบสวน
              (3) ได้รับการเยี่ยมหรือติดต่อกับญาติได้ตามสมควร
              (4) ได้รับการรักษาพยาบาลโดยเร็วเมื่อเกิดการเจ็บป่วย
             ห้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ    ซึ่งรับมอบตัวผู้ถูกจับหรือผู้ต้องหามีหน้าที่แจ้งให้ผู้ถูกจับ หรือ ผู้ต้องหานั้นทราบในโอกาสแรกถึงสิทธิตามวรรคหนึ่ง  (ถ้าไม่แจ้งสิทธิให้แก่ผู้ถูกจับทราบเจ้าพนักงาน อาจมีความผิด ตาม ป.อาญา มาตรา 157
 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗
            ผู้ใด เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติ หรือ ละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่ โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหาย แก่ ผู้หนึ่งผู้ใด หรือ ปฏิบัติ หรือ ละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่ โดยทุจริต ต้องระวางโทษ จำคุกตั้งแต่ หนึ่งปี ถึง สิบปี หรือ ปรับตั้งแต่ สองพันบาท ถึง สองหมื่นบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
           2.      จัดให้ผู้ถูกจับสามารถติดต่อกับญาติหรือผู้ซึ่งผู้ถูกจับไว้วางใจ  เพื่อแจ้งให้ทราบถึงการจับกุมและสถานที่ ที่ถูกควบคุมได้ในโอกาสแรก เมื่อผู้ถูกจับมาถึงที่ทำการของพนักงานสอบสวน หรือถ้ากรณีผู้ถูกจับร้องขอให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจเป็นผู้แจ้ง     ก็ให้จัดการตามคำร้องขอนั้นโดยเร็ว  และให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจบันทึกไว้ในการนี้  มิให้เรียกค่าใช้จ่ายใด ๆ จากผู้ถูกจับ           (กรณีนี้เจ้าพนักงานผู้รับตัวผู้ถูกจับ เมื่อผู้ถูกจับมาถึงที่ทำการของพนักงานสอบสวน ในโอกาสแรก เมื่อผู้ถูกจับร้องขอให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ แจ้งให้ญาติหรือผู้ซึ่งผู้ถูกจับไว้วางใจ เพื่อให้ทราบถึงการจับกุม และสถานที่ควบคุมในโอกาสแรก เจ้าพนักงาน ก็ต้องมีหน้าที่จัดการติดต่อญาติ หรือผู้ที่ผู้ถูกจับไว้วางใจทราบ และการติดต่อห้ามมิให้เจ้าพนักงานผู้รับตัวผู้ถูกจับ เรียกค่าใช้จ่ายจากผู้ถูกจับ ถ้าเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ ไม่ดำเนินการ ตามที่ร้องขอ อาจมีความผิด ตาม ป.อาญา มาตรา 157 ได้  

การเตรียมพร้อม

           ผมเคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง และอาจารย์ก็ให้ผมวิจารณ์ แล้วท่านจะได้อะไรจากผมไหม ลองตามผมมาซิ ผมจะเล่าให้ฟัง
หนังสือ
ใครเอาเนยแข็งของฉันไป (WHO   MOVED  MY CHEESE)
ผู้แต่ง : นายแพทย์สเปนเซอร์  จอห์นสัน


เรื่องย่อมีอยู่ว่า
มีตัวละครขนาดจิ๋วอยู่ ตัว วิ่งวนอยู่ในเขาวงกต ซึ่งสลับซับซ้อนแห่งหนึ่ง เพื่อเสาะหาเนยแข็งอันเป็นสิ่งจำเป็นต่อชีวิต ในนี้มีสองชีวิตเป็นหนู ตัวหนึ่งชื่อ 'สนิฟฟ์' กับ'สเคอร์รี่' ส่วนมนุษย์แคระอีกสองคนชื่อ 'เฮ็ม'กับ 'ฮอว์' ทั้งสี่ชีวิตใช้เวลาในแต่ละวันในการวิ่งหาเนยแข็งในเขาวงกตนั้น เจ้าหนู สนิฟฟ์ และ สเคอร์รี่ ใช้วิธีลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ โดยใช้จมูกเป็นเครื่องนำทาง พวกมันจะจำทางที่ไม่มีเนยแข็งไว้ แล้ววิ่งไปทางอื่นจนถูกทาง ส่วนคนแคระ เฮ็ม กับ ฮอว์ ก็ใช้ความรู้และประสบการณ์ในอดีตเข้าช่วย ในที่สุดทั้ง ชีวิต ได้พบกับคลังเนยแข็งขนาดใหญ่ ที่ดูเหมือนมีเนยเพียงพอที่ให้กินไปได้ตลอดชีวิต พวกเขาได้พบแหล่งอาหารอันวิเศษที่แสนสะดวกสบาย และไม่ต้องวิ่งตระเวนหาอีกต่อไป เวลาผ่านไปจนมาถึงเช้าวันหนึ่ง ทั้ง ชีวิต ได้พบว่าเนยแข็งกำลังจะหมดไป เจ้า สนิฟฟ์ เห็นเช่นนั้นก็ไม่เสียเวลาวิเคราะห์ มันออกวิ่งค้นหาเนยแข็งก้อนใหม่ทันที ส่วนเจ้า สเคอร์รี่ เห็นเช่นนั้นก็วิ่งตามโดยไม่รอช้า สนิฟฟ์ ไปถึงไหน สเคอร์รี่ ก็ไปที่นั่น คนแคระ เฮ็ม กับ ฮอว์ ไม่คาดมาก่อนว่าเนยแข็งจะหมดไป เฮ็ม ถึงกับตีโพยตีพายกล่าวโทษเทวดาฟ้าดินว่า ไม่ยุติธรรมกับเขา แล้ววิเคราะห์ประเมินสถานการณ์ว่าเนยแข็งควรจะกลับมาหาเขาอีก แต่ ฮอว์ ดูจะยอมรับความจริงได้มากกว่า เขาเริ่มคิดว่า เขาควรทำการเปลี่ยนแปลง เขาจึงชวน เฮ็ม ให้ออกไปหาเนยแข็งใหม่แบบที่หนูสองตัวกำลังทำอยู่ ปรากฏว่า เฮ็ม ไม่ยอมรับฟัง ฮอว์ จึงไปสู่เขาวงกตตามลำพัง และแล้วเจ้าหนูทั้งสองก็ได้พบคลังเนยแข็งแห่งใหม่ที่ดีและใหญ่กว่าเดิม ฮอว์นั้นแม้จะออกมาช้ากว่าเจ้าหนูทั้งสอง แต่ในที่สุดเขาก็ได้พบคลังเนยแข็งใหม่ เช่นกัน เขาจึงกลับไปชวน เฮ็ม ให้ออกมาจากสถานการณ์ที่ไม่มีเนยแข็งเหลืออยู่ แต่ เฮ็ม กลับปฏิเสธ ทั้งยังไม่ยอมรับเนยแข็งที่ ฮอว์ อุตส่าห์เอาไปฝาก ฮอว์ จึงจำใจต้องปล่อยเพื่อนไว้เช่นนั้น ระหว่างที่ ฮอว์ ออกมาเผชิญโชคครั้งใหม่ ความคิดของเขาเริ่มเปลี่ยนแปลงไป ทีละน้อย เขาสรุปสัจธรรมแห่งการเปลี่ยนแปลง โดยเขียนไว้บนกำแพงเป็นระยะๆ 'ถ้าคุณไม่เปลี่ยนแปลง คุณอาจจะสู­ญพันธุ์' ฮอว์ สุขสบายอยู่ในคลังเนยแข็งใหม่ แต่ก็ยังคิดและหวังว่า เฮ็มเพื่อนรักจะตามมาตามลายแทง และข้อคิดที่เขาบอกทางไว้ให้ แล้ววันหนึ่งฮอว์ ก็ได้ยินเสียงกุกกักดังมาจากทางเดินข้างนอก นั่นอาจจะเป็น เฮ็ม ก็ได้ใครจะรู้ ชีวิตเป็นตัวแทนแห่งสัญชาตญาณและความคิดในการตอบโต้ต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง  
สนิฟฟ์             เป็นผู้ดมกลิ่นการเปลี่ยนแปลงได้ก่อนใครจึงนำออกไปก่อน สเคอร์รี่            ไม่คิดอะไรเลยวิ่งตามกระแสอย่างเดียว
เฮ็ม                   เป็นผู้ปฏิเสธและต่อต้านการเปลี่ยนแปลง โดยคิดว่าการเปลี่ยนแปลงจะปรากฏโฉมในทางเลวร้ายกว่าเดิม
ฮอว์                 เป็นคนเรียนรู้และปรับตัวตามยุคสมัย  เมื่อเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงจะนำไปสู่สิ่งที่ดีกว่า
ในโลกแห่งธุรกิจ และโลกแห่งการทำงานมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย นิทานเรื่องนี้อาจให้แง่คิดที่เตือนให้ผู้คนมองเห็น การเปลี่ยนแปลง และเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงอย่างชาญฉลาด
            เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ลองมาดูว่า แนวคิดผมเป็นอย่างไร ท่านคิดเหมือนผมไหม
            จากเรื่องดังกล่าวนี้  สามารถวิเคราะห์ถึงสิ่งที่ตัวละครต่างๆ ได้แสดงให้เห็น พร้อมทั้งแง่คิดต่างๆ ที่แฝงไว้ โดยใช้หลักการบริหารการพัฒนาของการบริหารการเปลี่ยนแปลง ดังนี้
            เมื่อพวกหนูสนิฟฟ์และสเคอร์รี่ ที่มีสมองธรรมดาเหมือนหนูทั่วไปและไม่ได้เก่งเท่ากับพวกมนุษย์จิ๋ว แต่ก็มีสัญชาตญานที่ยอดเยี่ยมนั้น  ได้รับรู้ว่าเนยแข็งในสถานี .นั้นเริ่มลดลงไปเรื่อยๆ ก็ทำใจได้ว่าสักวันเนยแข็งก็จะต้องหมด  พวกมันจึงมีความเตรียมพร้อมอยู่เสมอโดยเอารองเท้าจ๊อกกิ้งแขวนไว้ที่คอ เพราะเมื่อถึงวันที่เนยแข็งหมดไปจริงๆ พวกมันก็จะเริ่มต้นออกวิ่งเพื่อหาเนยแข็งชิ้นใหม่ต่อไปได้โดยเร็ว เปรียบเหมือนกับ การบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงในองค์กร (Organizational Change Management) ซึ่งการบริหารการพัฒนาในสภาพปัจจุบันต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาย ทั้งภายในและภายนอกองค์การ ซึ่งการจัดการการเปลี่ยนแปลงองค์การ หากสามารถมีการวางแผนล่วงหน้าจะทำให้ลดความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลง  ในส่วนของมนุษย์จิ๋วสองคน คือ เฮ็มและฮอว์ ซึ่งมีสมองที่ชาญฉลาดกว่าพวกหนู แต่มักใช้ความเชื่อและอารมณ์ของตนมาบดบังความจริงที่เกิดขึ้น   ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เคยรับรู้มาก่อนแม้แต่น้อยว่า  เนยแข็งในสถานี . นั้นเริ่มลดลงเรื่อยๆ จนหมด   กลับคิดว่ามีคนมาขโมยเนยแข็งของพวกเขาไป และไม่ยอมที่จะเริ่มต้นออกเดินทางเพื่อหาเนยแข็งชิ้นใหม่จนในที่สุดพวกเขาก็ต้องพบกับความหิวโหย  แต่ฮอว์ก็เริ่มตระหนักได้ว่าสาเหตุที่แท้จริงของการที่เนยแข็งหายไปก็คือ  พวกเขาพยายามสร้างภาพเพื่อหลอกตัวเองอยู่เสมอว่าเนยแข็งนั้นไม่มีวันหมดไปอย่างแน่นอน  จึงไม่คิดเตรียมตัวพร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น  จากการอ่านหนังสือ ใครเอาเนยแข็งของฉันไป (Who  moved  my cheese) สิ่งที่สะท้อนจากเรื่องสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการบริหารการพัฒนาในบริบทสังคมปัจจุบัน เพราะปัจจุบันนี้เรากำลังอยู่ท่ามกลางโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงสูง ดูตัวละครแล้วย้อนมองชีวิตตนเอง ว่าเราเป็นตัวละครตัวใด แล้วเราจะปรับแนวคิด  ชีวิตอย่างไรในกระแสโลกที่วิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ดังนั้นสิ่งที่นักบริหารการพัฒนาควรจะนำมาปฏิบัติเพื่อแก้ไขปัญหาและปรับตัว คือ การนำหลักของกระบวนการบริหารการพัฒนา   ประการ ที่นักศึกษาได้คิดต่อยอดและปรับแนวคิดในหนังสือมาเป็นแนวคิดของตนเองใหม่ ด้วยหลักการบริหารการพัฒนา ที่ได้จากเรื่อง ใครเอาเนยแข็งของฉันไป ขึ้นมาประยุกต์ใช้ ดังนี้
            .ศึกษาบริบทก่อนลงมือทำ  นักบริหารและนักพัฒนาที่ฉลาดนั้นจะทำอะไรก็ตาม  ต้องศึกษาสิ่งนั้นให้เข้าใจก่อน คือ ศึกษาความต้องการ  ความเป็นไปได้  และความน่าจะเป็น  เหมือนมนุษย์จิ๋วและหนูสองตัว ที่ต้องวิ่งสำรวจรอบภูเขาวงกต เพื่อศึกษาบริบทและสำรวจเส้นทาง ในการค้นหาเนยแข็ง แต่ทั้งมนุษย์จิ๋วและหนูต่างก็วิ่งตามสัญชาตญาณและกระแส โดยไม่ศึกษาว่าบริบท สภาพแวดล้อม เส้นทางในภูเขาวงกตเป็นอย่างไรบ้าง  จึงทำให้เสียเวลาและเหนื่อยในการค้นหา  การที่จะเป็นนักบริหารการพัฒนาเราต้องศึกษาบริบทของสิ่งที่เราจะพัฒนาให้เข้าใจ  ก่อนที่จะเริ่มต้นลงมือทำ  โอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็มีสูง  เช่น การจะพัฒนาสังคมไทย  สิ่งที่จะต้องทำก่อน คือ การศึกษาบริบท ทุกมิติทั้งหมดของสังคมไทย  จะทำให้เราได้แนวทางการพัฒนาสังคมไทยที่ถูกจุด ถูกทาง
. การเข้าใจถึงสาเหตุที่ต้องเปลี่ยนแปลง คือ นักการบริหารการพัฒนา ต้องเรียนรู้และเข้าใจการเปลี่ยนแปลง  ศึกษาหาสาเหตุอันจะนำไปสู่กระบวนการแก้ไข  อย่าเป็นคนที่วิ่งตามกระแสอย่างเดียวอาจจะทำให้เดินหลงทางได้  ต้องหาคำตอบให้ได้ว่าทำไมเราถึงต้องเปลี่ยนแปลง?” ฮอว์ได้ตระหนักและเข้าใจว่าสิ่งต่างๆ สามารถเปลี่ยนแปลงและเกิดขึ้นได้ ดังนั้นถ้าฮอว์ไม่เริ่มเปลี่ยนแปลง ฮอว์ก็จะอดตายได้ในที่สุด  หลักการปรับตัวของนักบริหารการพัฒนาในสภาวะที่เปลี่ยนแปลง คือ การเข้าใจการเปลี่ยนแปลง  ยอมรับ  ปรับตัวให้เข้ากับสภาวะที่เปลี่ยนไป ต้องตามให้ได้ไล่ให้ทัน  แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง  ไม่ใช่วิ่งตามกระแสตลอดเวลา  จนไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
.การกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน  การทำงานทุกอย่างถ้าเป็นนักบริหารการพัฒนาที่ดีมีคุณภาพ ต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน และเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ  การที่มีเป้าหมายนั้นจะทำให้เราเดินถูกทาง เพราะทุกคนที่ทำต่างมองไปที่เป้าเดียวกัน เช่น การบริหารการเปลี่ยนแปลง ว่าจะทำการเปลี่ยนแปลงเพื่ออะไร?” ฮอว์ได้กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนของการออกเดินทาง คือ เป้าหมายในการพบเนยแข็งชิ้นใหม่และเอาชนะความกลัวที่มีอยู่ในใจของตน จากคำสบประมาทของเฮ็มที่ว่า  คงหาเนยแข็งที่ดีกว่าเก่าไม่ได้อย่างแน่นอน
. การสร้างและกำหนดทางเลือก คือ การทำงานทุกอย่างแน่นอนถ้าเป็นนักบริหารที่รอบครอบแล้วจะต้องมีการวางแผนเส้นทางเดินไว้หลายเส้นทาง เมื่อวิธีที่หนึ่งไม่สำเร็จก็หันมาเดินเส้นทางวิธีที่สอง คือมีแผนสำรองไว้เสมอในการบริหารการพัฒนา การคิดหาวิธีหรือหนทางไปสู่เป้าหมายฮอว์เลือกที่จะเชื่อและเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในการออกตามหาเนยแข็งชิ้นใหม่ในเขาวงกต ดีกว่าทนรอเนยแข็งชิ้นเดิมที่ไม่มีวันหวนกลับมา
. การวางแผน การทำงานที่แผนที่ชัดเจนนั้น จะบ่งบอกถึงการทำงานที่มีระบบและขั้นตอนที่ชัดเจน การทำงานทุกครั้งถ้าไม่มีการวางแผน แสดงว่าไม่ใช่นักบริหารการพัฒนา เพราะนักบริหารการพัฒนาจะต้องมีการวางแผนที่รอบครอบ มีการวางแผนเป็นระบบที่ชัดเจน ไม่ว่าการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่? ต้องมีการวางแผนโดยวิเคราะห์ผลดี ผลเสีย และผลกระทบอันเกิดจากการเปลี่ยนแปลง ฮอว์ได้วิเคราะห์ถึงผลดีที่จะเกิดขึ้นในการออกตามหาเนยแข็งชิ้นใหม่ซึ่งแม้จะไม่รู้ว่าผลลัพธ์ของการออกตามหาจะเป็นเช่นไร อาจจะต้องเหนื่อย และพบอุปสรรคมากมาย แต่ก็ยังดีกว่านั่งรออยู่เฉยๆ โดยที่ไม่ทำอะไรเลย เหมือนเช่น เฮ็ม
. การปฏิบัติการตามแผน การวางแผนเป็นสิ่งสำคัญแล้ว  แต่การนำแผนลงสู่การปฏิบัติจริงนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญกว่า การปฏิบัติตามแผนจะบ่งบอกถึงการทำงานมืออาชีพ แต่การปฏิบัติอาจจะมีการปรับแผนไปตามสถานการณ์และข้อเท็จจริงที่ปรากฏ เพื่อไม่ให้เป้าหมายเบี่ยงเบน โดยติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ สื่อสารความคืบหน้า และปรับเปลี่ยนเป้าหมายและแผนตามสภาพความเป็นจริง เมื่อฮอว์ได้กลับไปค้นหาเนยแข็งใหม่ในเขาวงกตซึ่งมีความวกวนและซับซ้อนก็พยายามจดจำทางที่เคยไปแล้วไม่พบเนยแข็ง และไม่กลับไปยังเส้นทางเดิมเหล่านั้น  เพื่อให้เจอกับเนยแข็งชิ้นใหม่อย่างรวดเร็ว
. การเสริมแรงให้กับความเปลี่ยนแปลง แม้การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นได้ แต่ก็ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าจะประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลง   จึงต้องเสริมแรงให้กับสิ่งใหม่ๆ เพื่อความคุ้นเคยและเคยชิน ในระหว่างที่ฮอว์กำลังหาเนยแข็งชิ้นใหม่  ก็เกิดความท้อแท้ขึ้นหลายครั้ง  แต่สุดท้ายฮอว์ก็เปลี่ยนความท้อแท้นั้น เป็นความสนุกที่จะได้พบเนยแข็งชิ้นใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน  เป็นการสร้างแรงจูงใจให้เกิดขึ้นเพื่อสร้างให้เกิดความสำเร็จในความเปลี่ยนแปลงนั้น
. การประเมินผล คือการนำสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นจริงมาเปรียบเทียบกับแผนปฏิบัติการ และนำไปปรับปรุงเพื่อเปลี่ยนแปลง เมื่อฮอว์ได้เจอเนยแข็งใน สถาน น. แล้ว ได้เจอกับหนูทั้งสองตัวที่มาถึงก่อนหน้านั้น จึงคิดได้ว่าหากตนออกเดินทางมาก่อนก็จะได้เจอเนยแข็งชิ้นใหม่อย่างรวดเร็ว ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาฮอว์จึงสำรวจปริมาณเนยแข็ง และออกหาเนยแข็งในสถานีอื่น อยู่เสมอเพื่อความไม่ประมาทอีกต่อไป  สิ่งที่ฮอว์ได้ทำตอนหลังแม้จะช้า แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลยเหมือนเช่น เฮ็ม ที่ไม่ยอมรับ และเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ดังสุภาษิตที่ว่าตั้งต้นสายดีกว่าไม่ตั้งต้นเลยแต่จะว่าไปสิ่งที่ฮอว์ได้นำมาใช้แก้ปัญหานั้น ก็ได้นำหลักธรรมทางพุทธศาสนาของเราเข้ามาใช้ ในเรื่องของการพยายามหาสาเหตุของปัญหา และแก้ปัญหานั้นให้หมดไปเหมือนเช่นการดับทุกข์ ก็อยากให้นักบริหารการพัฒนาลองประยุกต์ใช้วิธีเหล่านี้ดู อาจทำให้ปัญหาต่างๆ ที่มีอยู่หมดไปก็เป็นได้และจำไว้ว่า อย่ากลัวกับการเปลี่ยนแปลงเพราะความเปลี่ยนแปลงนั้นจะนำไปสู่สิ่งที่ดีขึ้นเสมอ   โดยปกติของใหม่ย่อมดีกว่าของเก่าเสมอ จงเดินไปข้างหน้าเพื่อพบสิ่งใหม่ๆในชีวิต
. อย่ากลัวการเปลี่ยนแปลง  ในหลาย ครั้งที่เราจำเป็นต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  แต่ก่อนที่การเปลี่ยนแปลงนั้นจะมาถึง สิ่งที่ถึงตัวเราก่อนมักจะเป็นความกลัว กลัวที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งที่บางทีเราก็ไม่ทราบว่าฉากต่อไป  ของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร เหมือนเฮ็มที่อุทาน ว่า ต่อไปชีวิตฉันจะเป็นอย่างไรเมื่อไม่มีเนยแข็งเหลืออยู่ คือ ตีตัวไปก่อนไข้  แต่ในที่นี้จะขอยกตัวอย่าง หญิงสาวคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองเล็ก เมืองหนึ่ง  เธออาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็กนี้มานานตั้งแต่เด็ก  หน้าบ้านของเธอมีต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาจนทำให้บริเวณนั้นดูร่มรื่นเป็นพิเศษ และแล้ววันหนึ่ง เมื่อต้นไม้นั้นพ่ายแพ้แก่กาลเวลา กิ่งก้านที่เคยร่มเย็นกลับก่อให้เกิดความยุ่งยากขึ้น เมื่อมันหักและหล่นใส่บ้านข้างเคียงบ่อยๆ จนกระทั่งเป็นปัญหา ถึงขั้นที่จะต้องโค่นล้มต้นไม้ใหญ่นั้นทิ้ง หลังจากเธอทราบว่าไม่สามารถจะคงต้นไม้นี้ไว้ได้ เธอถึงกับกังวลถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมา  ต่อไปนี้จะเอาร่มเงาจากไม้ใหญ่ที่ไหนคอยกำบังแดดฝน ไม่มีภาพที่เคยมีอีกแล้วยามมองออกไปนอกหน้าต่าง  ยิ่งคิดไปต่าง นานา ก็ยิ่งให้รู้สึกเสียดายไม้ใหญ่นั้น   วันที่ต้องตัดต้นไม้นั้น เธอได้ยินคำพูดจากเพื่อนของเธอที่ต้องการปลอบใจว่า "อย่าเสียดายกับสิ่งที่เสียไป จงตื่นเต้นและยินดีกับสิ่งที่กำลังจะตามมา " วันเวลาผ่านไปเป็นสัปดาห์  ชีวิตของเธอหลังต้นไม้ใหญ่ถูกโค่นเริ่มเปลี่ยนแปลง  ทุกเช้าที่เธอตื่นนอน เธอจะได้รับแสงแดดส่องเข้ามาในบริเวณห้องของเธอ จนทำให้วันนั้นเกิดรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นทันที  เธอได้บริเวณบ้านมากขึ้น สำหรับปลูกไม้ดอกที่อยากจะปลูกมานาน เธอกลับเริ่มรู้สึกดี กับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น   มันไม่ได้แย่ไปอย่างที่เธอคาดไว้   ถ้าต้นไม้ใหญ่นั้นไม่ถูกโค่นลง วันนี้เธอคงไม่ได้เห็นภาพเด็ก วิ่งขึ้นลงรถรับส่งโรงเรียนอย่างร่าเริงในอีกมุมตึก  ตอนนี้เธอเข้าใจกับคำว่า "อย่าเสียดายในสิ่งที่เสียไป แต่จงตื่นเต้นและยินดีกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น" ส่วนมากแล้ว เรามักจะกลัวการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น  ทุกอย่างมันอยู่ที่ความคิดจริง เหมือนฮอร์กับเฮ็ม  เฮ็มกลัวถึงขนาดไม่ยอมเปลี่ยนทุกอย่าง เพราะคิดว่าสิ่งที่กำลังจะมาถึงมันเลวร้ายกว่าเดิมแน่  คนเรามักกลัวที่จะเข้าไปในห้องมืด  ทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในห้องนั้นมีอะไรบ้าง แต่ที่กลัว อยู่ มันอยู่ในความคิดทั้งนั้น  อะไรก็ตามที่คุณกลัว และคิดไปเรื่อย จนทำให้คุณกลัวที่จะเปลี่ยนแปลง จนบางทียอมที่จะทนกับสิ่งที่ทำให้ชีวิตคุณแย่ลงไปยิ่งกว่าการเปลี่ยนแปลง มันอยู่ในความคิดทั้งนั้น คุณลองมองในอีกมุมที่หญิงสาวคนในเรื่องไม่ได้มองดูสิ  มุมมองที่เป็นบวกกับชีวิตคุณ มุมมองที่จะทำให้คุณก้าวต่อไปได้ด้วยความตื่นเต้นและยินดี   "อย่าเสียดายในสิ่งที่เสียไป แต่จงตื่นเต้นและยินดีกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น"
ปัญหาส่วนใหญ่ของการบริหารการพัฒนา คือ สภาพแวดล้อมของการพัฒนา จะเกิดความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา  นักบริหารบางคนไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง ไม่อยากพัฒนา บางคนจะแสดงพฤติกรรมต่อต้าน  เพราะยึดติดและเคยชินอยู่กับความคิดดั้งเดิม หรือวิธีการทำงานเก่าๆ ที่เคยปฏิบัติอยู่ในชีวิตประจำวัน นักบริหารการพัฒนาสมัยใหม่จึงควรเป็นผู้นำที่สามารถนำการเปลี่ยนแปลงมาให้กับการบริหารพัฒนา โดยใช้ยุทธศาสตร์และเทคนิคการบริหารต่างๆ โดยเริ่มจากการบริหารตน แล้วจึงบริหารคนและบริหารงาน ซึ่งบางครั้งและบางคนต้องอาศัยเวลาในการปรับเปลี่ยนความคิด พฤติกรรมการทำงาน และทักษะในการปฏิบัติงาน  การเปลี่ยนแปลงมักจะนำเราไปสู่หนทางที่ดีเสมอ  ถ้าเราเข้าใจและปรับตัวเองให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างลงตัวเราจะพบสิ่งใหม่ๆเสมอ   อย่างพวกหนูและฮอร์ได้พบกับสถานีเนยแข็งใหม่  ดังนั้น  จงอย่ากลัวการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในชีวิต  ในจุดนี้ทำให้นักศึกษาคิดถึงคำพูดของอาจารย์ ดร.ณรงค์ศักดิ์  จันทร์นวล  ที่ท่านสอนนักศึกษาสมัยเรียนอยู่ปริญญาอก  ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิต...ดีเสมอ ทำให้เรามองหาส่วนดีของมัน    จึงทำให้นักศึกษามีทัศนคติมองโลกในแง่ดีเสมอ   อย่างการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตัวละครทั้ง ตัวในเนื้อเรื่องใครเอาเนยแข็งของฉันไป  การเปลี่ยนแปลงทำให้วิถีชีวิตของตัวละครทั้ง เปลี่ยนไป  คนที่ฉลาด  รู้ตัว  ปรับทันการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นก็จะอยู่รอด   และจะพบสิ่งใหม่ที่ดีกว่าเดิม  คุณอย่าเป็นนักบริหารการพัฒนาที่ติดอยู่กับที่  หรือมีความคิดแบบเดิม  ทำแบบเดิมๆ จงปรับความคิด  พฤติกรรม  ของตนเองใหม่ให้ทันสมัยกับสถานการณ์ในปัจจุบัน   คุณก็จะเป็นนักบริหารการพัฒนาที่ทันคน ทันเหตุการณ์  แล้วนี่จะเป็นแนวทางนำคุณไปสู่นักบริหารการพัฒนามืออาชีพ